September 15, 2022

กาแฟลดโลกร้อนและพื้นที่สีเขียวบนดอย Magpie Farm

กาแฟลดโลกร้อนคืออะไร? ปลูกกาแฟกับป่าดีกว่าปลูกบนพื้นที่อื่นอย่างไร? และทำไมกาแฟต้องมีพืชพี่เลี้ยง?

“คุณซาน-สุนทร มิ่งสิริเจริญ” เกษตรกรรุ่นใหม่จาก Magpie Farm ฟาร์มเกษตรกาแฟและอโวคาโด จ.เชียงราย ผู้มีแนวคิดในการปลูกกาแฟด้วยกันกับธรรมชาติ จะมาเล่าเรื่องราวของกาแฟลดโลกร้อนผ่านบทความนี้ 

ปี 2050 อาจไม่มีกาแฟ

ทุกวันนี้ปัญหาที่มีผลกระทบไปทั่วโลกคือ ภาวะโลกร้อน ทุกคนสัมผัสได้ว่าสภาพอากาศมันร้อนขึ้น แดดเผา มีการแปรปรวนของอากาศหลายครั้งในหนึ่งวัน มีการคาดการณ์ว่าปี2050 อาจจะไม่มีกาแฟอีกแล้ว ถ้าหากเรายังไม่ทำอะไรกับอุณหภูมิโลกที่มันร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่นี่เป็นเพียงการคาดการณ์ของนักวิทยาศาสตร์ ในปัจจุบันก็ยังมีการค้นคว้าคิดหากาแฟสายพันธุ์ใหม่ๆอยู่

สภาพอากาศแปรปรวน

เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยทำให้ส่งผลเสียต่อสิ่งมีชีวิต ต้นกาแฟเองก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เติบโตตามสภาพอากาศเช่นกัน อยากให้ลองสังเกตทำไมเวลาเราอยู่ใต้ต้นไม้ อากาศบริเวณนั้นถึงเย็น เพราะว่าสภาพอากาศมันคงที่ อุณภูมิใต้ร่มเงาต้นไม้ต่ำกว่าข้างนอก 2-3 องศา ฉะนั้นเวลาต้นกาแฟที่ปลูกอยู่มีต้นไม้เป็นพี่เลี้ยง อุณภูมิโดยเฉลี่ยในพื้นที่นั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีความเย็นและปริมาณน้ำฝนที่เพียงพอ ต้นกาแฟก็จะเติบโตได้ดี

ปลูกกาแฟกับป่า

สถานที่ปลูกกาแฟจะต้องมีความเย็นถึงจะให้ผลผลิตที่ดีได้ ต้นกาแฟจะไม่ตายและมีอายุยืนยาว สามารถเก็บผลผลิตได้นานถึง 60 ปี กาแฟที่อยู่ในป่าจะใช้เวลาในการสุกช้า เนื่องจากไม่ได้รับแดดเต็มที่ แต่การสุกช้าของมันทำให้มันสะสมอาหารได้เยอะ และอาหารพวกนั้นมันจะส่งผลต่อรสชาติและกลิ่นของกาแฟ สรุปก็คือมีผลผลิตที่มีคุณภาพดีกว่า โรคแมลงรบกวนน้อยกว่า แต่ข้อเสียคือผลผลิตอาจจะไม่เยอะเมื่อเทียบกับปลูกกลางแจ้ง เพราะปลูกกลางแจ้งต้นกาแฟจะได้รับแดดเต็มๆ ผลผลิตดกแต่ต้นโทรมไว เชื้อโรคเยอะ ถ้าหากว่าในอนาคตอุณหภูมิโลกมันร้อนขึ้น กาแฟอาจจะต้องย้ายไปปลูกที่ประเทศจีนแทนซึ่งมีอุณหภูมิที่เย็นกว่าประเทศไทย

ต้นไม้เป็นพี่เลี้ยง

ถ้าโลกร้อนขึ้น ต้นกาแฟก็มีสิทธิ์ที่จะสูญพันธุ์ได้ อาจปลูกไม่ขึ้นหรืออายุไขไม่ยืนยาวแบบเมื่อก่อน ตัวอย่างปีที่ผ่านมาช่วงฤดูหนาวเจอน้ำค้างแข็งเกาะ ต้นกาแฟก็ตาย แต่ถ้ามีต้นไม้ใหญ่รอบๆต้นกาแฟ ต้นไม้ก็จะเป็นเกราะบังน้ำค้างให้ไม่สามารถตกลงมาข้างล่างได้ อุณหภูมิในบริเวณนั้นก็จะพอดีสำหรับต้นกาแฟ ในฤดูฝนไม่ค่อยมีปัญหา ต้นไม้สามารถเก็บน้ำฝนได้ ทำให้บริเวณนั้นชุ่มชื้นตลอดทั้งปี มีน้ำเพียงพอ ส่วนใหญ่บนดอยก็เป็นแหล่งต้นน้ำ ยิ่งมีต้นไม้เยอะยิ่งมีแหล่งเก็บน้ำเยอะ น้ำก็ไม่แห้ง กาแฟก็ได้อานิสงค์จากต้นไม้ใหญ่ๆพวกนี้ แต่ถ้าไม่มีต้นไม้พี่เลี้ยงในฤดูร้อน กาแฟจะยืนต้นตาย เพราะการเจอแดดแรงๆ หรืออากาศร้อนเกินไปจะส่งผลกระทบต่อวงจรชีวิตกาแฟโดยตรง

ฝนต้องเพียงพอ

พอกาแฟให้ผลผลิตแล้ว ช่วงกุมภาพันธ์ต้นกาแฟก็จะเริ่มฟอร์มตัวใหม่เพื่อรอฝน ถ้าปีไหนฝนไม่ตก กาแฟก็ไม่สามารถออกดอกได้ เพราะฉะนั้นการทำกาแฟให้ยั่งยืนต้องมีต้นไม้ มีผืนป่า มีการเช็คสภาพอากาศ มีปริมาณน้ำที่เพียงพอ และดูแลการพังทลายของหน้าดินด้วย

ปลูกกาแฟลดโลกร้อน

ปัจจุบันแนวคิดเกี่ยวกับปลูกกาแฟเพื่อลดโลกร้อน ถือว่าเป็นตัวชูโรงการปลูกป่าที่ดี มีผลไม้หลายอย่างที่สามารถปลูกร่วมกับกาแฟได้ อย่างเช่น อโวคาโด ต้นกาแฟก็อาศัยร่มเงาของต้นอโวคาโดได้ สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับกาแฟ คงถึงคราวที่เราต้องตระหนักถึงปัญหาภาวะโลกร้อนกันได้แล้ว มิเช่นนั้นวันที่เราจะไม่มีกาแฟให้ดื่มได้มาเยือนเราแน่นอน

SHARE ARTICLE:
Share on email
Share on linkedin
Share on facebook
Share on twitter

Read related:

Apr 5, 2023
“ผมอยากแบ่งปันความสุขในการกินกาแฟให้กับคนอื่น” คุณเจมส์ James Art Coffee บอกกับเรา ก่อนจะเล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นก่อนที่จะมาเปิดร้านกาแฟ ย้อนกลับไปประมาณ 8 ปีที่แล้ว...
Mar 22, 2023
TonCedar Internship program เน้นการฝึกงานและเรียนรู้แบบองค์รวม ด้วยการทำงานในสภาพแวดล้อมวัฒนธรรมที่หลากหลาย ได้ฝึกภาษากับชาวต่างชาติ และทำงานร่วมกับเจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการธุรกิจ และองค์กรต่างๆ ในการช่วยเหลือคนรุ่นใหม่...
Mar 8, 2023
วันนี้ TonCedar จะพาทุกคนมารู้จักกับ Magpie Farm เกษตรกรรมบนดอยที่เริ่มต้นมาจาก คุณซาน – สุนทร มิ่งสิริเจริญ...