วันนี้ TonCedar จะพาทุกคนมารู้จักกับจุดเริ่มต้นเล็กๆ และเรื่องราวของ Chiang Rai Grace Academy จาก คุณหยี – ณภัทร ธิติศาตนันท์ ซึ่งมีความฝันในการสร้างศูนย์การเรียนรู้ที่จะรวมเด็กๆที่ Homeschool ให้มาเรียนด้วยกัน โดยมีเป้าหมายในการทำโรงเรียนคือ เด็กต้องมีความสุข ไม่ได้มีกฎระเบียบ ไม่ได้ถูกบังคับ
จุดเริ่มต้น
คุณหยีตระหนักว่าค่าใช้จ่ายในการส่งลูกไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และลูกเองมีพัฒนาการในการเรียนรู้ที่ช้า ซึ่งก็จะต้องเรียนพิเศษและทำการบ้านเยอะๆ บางทีนั่งทำการบ้านจนถึงเที่ยงคืน เด็กๆก็ไม่ได้พักผ่อน ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าแล้วเรียนได้ไม่เต็มที่
บางครั้งลูกรู้สึกอายเวลาที่ถูกถามในห้องเรียนแล้วตอบไม่ได้ หรือเวลาที่ลูกได้รับคำตอบคล้ายๆเชิงตำหนิ เขาก็จะเก็บความสงสัยไว้แล้วกลับมาถามแม่ว่า ข้อตรงนี้ทำอย่างไร? ข้อนี้ขอให้แม่ช่วยสอนดีกว่า เพราะเกรงใจคุณครู และคุณครูเองก็มีเด็กที่ต้องดูแลอีกหลายๆคน
“แม่เรามาทำ Homeschool กันดีไหม?”
เริ่มแรกก็คุยกับลูก ปรึกษากันเรื่อง Homeschool มาเรื่อยๆ ลูกก็เลยเสนอว่า แม่เรามาทำ Homeschool กันดีไหม? ทีแรกคิดว่า Homeschool เป็นเรื่องไกลตัวจากเรามาก คือเราก็ไม่ได้มีความรู้ ภาษาอังกฤษก็อ่านไม่ออก ด้านวิชาการไทยเราก็ไม่ได้เก่ง เราก็คิดว่าเราจะทำยังไงดี? ลูกก็บอกว่า “ไม่เป็นไรเราจะช่วยกัน แม่นี่แหละเป็นครูที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราแล้ว” เขาให้กำลังใจเรา แต่เราก็คิดว่าเราจะไปกันรอดไหม พอลูกเริ่มเรียนจบเทอม ก็เลยตัดสินใจให้ลูกลาออกจากโรงเรียน ก็เคว้งคว้างอยู่หลายเดือน เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี กลุ่มHomeschool ในเชียงรายแต่ละที่ก็อยู่ไกลกัน และก็ไม่ได้รวมตัวกันแบบหนาแน่น คือต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างเรียน ต่างคนต่างมีกิจกรรม
ตอนแรกให้ลูกสมัครเรียน Homeschool ของประเทศอังกฤษ ใช้หลักสูตรของอังกฤษ เพราะลูกพอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่แล้ว เขาก็นั่งเรียนด้วยตัวเอง ทำด้วยตัวเอง แต่ด้วยความที่มีอุปสรรคพอสมควร เลยปรึกษากับลูกคนโต ถ้าเรียนระบบอังกฤษมันยากเกินไป และจุดสุดท้ายที่เขาอยากจะไปจริงๆคือที่อเมริกาหรือมหาวิทยาลัยในเมืองไทย ก็เลยบอกว่าถ้าจะไปเรียนต่อในอเมริกาหรือในเมืองไทย ไม่ต้องใช้ระบบ *IGCSE สอบเทียบ แต่ใช้ระบบ **GED สอบเทียบแทนได้
*IGCSE คือ ระบบการสอบของประเทศอังกฤษที่ทำให้ได้รับวุฒิการศึกษาเทียบเท่า ม.4 ในประเทศไทย โดยใช้เวลาเรียนทั้งหมด 2 ปี ซึ่งหากเรียนจบหลักสูตรแล้ว สามารถไปศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นได้
**GED คือ ระบบการสอบเทียบเท่าระดับมัธยมปลายหรือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ของประเทศอเมริกา ซึ่งคุณสมบัติของผู้สอบจะต้องมีอายุ 16 ปีขึ้นไป โดยไม่ได้กำหนดว่าผู้สอบจะอยู่ในระบบการศึกษามาก่อนหรือไม่
ก็เลยคุยกันว่า งั้นเราเปลี่ยนระบบการเรียนกันไหม?
ซึ่งช่วงนั้นมีเพื่อนแนะนำว่ามีครอบครัวนึงที่เขาสอนลูกอยู่ที่บ้าน ทำเป็นเรื่องเป็นราว ซื้อหลักสูตรจากอเมริกามาสอนลูกของเขา เราได้มีโอกาสพูดคุยปรึกษากับเขา แล้วตัดสินใจซื้อหลักสูตรนี้มาทำโรงเรียน มีความคิดทำศูนย์การเรียนรู้ เป็นที่ที่รวมเด็ก Homeschool ให้มาเรียนด้วยกัน โดยมีเป้าหมายในการทำโรงเรียนคือเด็กต้องมีความสุข มีกฎระเบียบร่วมกัน แต่ไม่ได้ถูกบังคับ
ถ้าเด็กเข้ามาเรียนที่นี่ เราจะมีขั้นตอนเริ่มต้นด้วยการทำ Diagnostic Test (แบบทดสอบวินิจฉัย) วัดความรู้และพื้นฐาน ว่าองค์ความรู้ในตัวของเด็กแต่ละคนมีอะไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้ทราบว่าเขามีพื้นฐานขนาดไหน เพราะหลักสูตรที่นี่เป็นหลักสูตรของอเมริกา ใช้กันประมาณ 140 ประเทศ 4000 กว่าโรงเรียน โดยใช้หลักสูตร ACE (Accelerated Christian Education) ในการเรียนการสอน สมมุติว่าถ้าเด็กจบป.6 ในบ้านเรามาสอบ เราไม่ได้ให้เขาเรียนที่เกรด 6 ในการสอบ เราจะให้เป็นเกรด 4 คือ ดรอปลงมาประมาณสองชั้น แล้วลองดูว่าเขาจะสามารถทำได้ไหม ซึ่งต้องบอกว่าเด็กจะต้องมีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดี เพราะทุกอย่างจะเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย มีแค่ตัวเลขที่เด็กพอจะเข้าใจได้ แต่ถ้าเด็กไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษ ผลลัพธ์จะออกมาทันที เพราะมันเป็น Online Test
สิ่งหนึ่งที่เขาได้จากตรงนี้คือ เป็น Individual Learning (การเรียนรู้ด้วยตัวเอง) จะเป็นการฝึกทักษะการอ่านและทำความเข้าใจของเด็ก โดยที่ระบบการศึกษาของไทยเรามีครู แต่ที่นี่เราเรียกว่า supervisor คือ ไม่ได้เป็นครูเสียทีเดียว แต่จะเป็นคนที่คอยสนับสนุน ไม่ได้เป็นคนที่เฉลยให้เด็ก แต่ช่วยเด็กให้ได้คำตอบ โดยที่เราจะไม่บอกคำตอบให้กับเด็ก แต่เราจะฝึกให้เด็กหาคำตอบเอง เราจะต้องหาวิธี ให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวเองให้ได้ การเรียนแบบนี้จะคล้ายกับการเรียนระดับมหาวิทยาลัยคือค้นคว้าเอง เมื่อเด็กไม่เข้าใจ เขาจะปักธงไว้ที่โต๊ะเมื่อต้องการความช่วยเหลือจาก supervisor และก่อนเรียนเราจะมีระบบ Goal class ก่อนเรียน เด็กนักเรียนจะมีการตั้งเป้าหมายของเขา อย่างน้อยหนึ่งวันเขาจะรู้ว่าจะต้องทำกี่วิชา วิชาละกี่หน้า และเรามีการเช็ค ถ้าเขาทำไม่ถึงเป้าเราก็มีวิธีที่จะคุยกับเขา ระบบนี้สามารถจะติดตามได้ทุกอย่าง
“การเรียนแบบนี้ช่วยให้เด็กเข้าใจแบบถ่องแท้ มีเป้าหมาย เพื่อให้เกียรติตัวเอง ซื่อสัตย์ต่อตนเอง และก็สามารถวางอนาคตต่อตนเองได้ตั้งแต่ในวัยเด็ก พอไปถึงระดับมหาวิทยาลัยจะทำให้เด็กปรับตัวได้ไม่ยาก เพราะคุ้นเคยกับการที่ค้นคว้าด้วยตัวเองอยู่แล้ว เขาจะพึ่งพา supervisor น้อยมาก เราสนับสนุนให้เด็กใช้เวลากับครอบครัวเต็มที่ โดยที่โปรแกรมนี้ เราจะไม่สนับสนุนให้มีการบ้าน”
สิ่งที่ประทับใจกับหลักสูตรนี้ คือ เขามีวัดผลการเรียนทุกๆสิบหน้าที่เรียนไป ในการเรียนหนึ่งเล่ม เขาจะมีวัดผลถึงสามครั้ง และมีวัดความรู้อีกหนึ่งครั้งก่อนที่จะสอบ ถ้าในการสอบเด็กได้คะแนนต่ำกว่า 80% คือ ไม่ผ่าน ต้องกลับมาทำใหม่หมด ที่นี่เราจะรู้ว่าเด็กอ่านหนังสือมา เด็กเข้าใจหรือว่าไม่เข้าใจ ด่านหนึ่งที่สอนใน training กับเราคือ ถ้าเด็กสอบไม่ผ่าน ไม่ใช่ว่าเด็กขาดความรู้ แต่อาจจะเป็นความบกพร่องของ supervisor ของเราด้วย ที่เราไม่สามารถทำให้เขาเกิดความรู้ ความเข้าใจได้ เพราะทุกครั้งที่เด็กต้องกลับมาทำใหม่อีกครั้งหนึ่ง ก็เท่ากับว่าเราต้องให้ความสนใจเขามากขึ้น
นอกจากนี้ เรายังมีการปลูกฝังเด็กให้มีความกระตือรือร้นในการทำงาน ถ้าเขาทำงานได้ดี มันก็สามารถโชว์ออกมาได้จากคะแนน ถ้าเขาได้คะแนนสูง เขาก็จะได้รับเงิน merit (เงินแลกของในโรงเรียน) คือเงินตามความสามารถของเขา และเงินตัวนี้ก็สามารถนำมาแลกซื้อของกินของใช้ที่มีให้แลกในโรงเรียนได้ เป็นการฝึกให้เขารู้จักที่จะมุ่งมั่นที่จะทำงาน มุ่งมั่นที่จะเรียน เมื่อมุ่งมั่นและทำดีแล้ว ก็จะได้รางวัลตอบแทน
ในปัจจุบันที่ Grace Academy มีตั้งแต่ชั้น ป.1- ม.6 ตอนนี้สิ่งที่โรงเรียนเราทำ เราพยายามให้ผ่าน quality status ของอเมริกา ถ้าเราผ่านตัวนั้นเราจะได้รับรองวิทยฐานะ และได้รับการรับรองวุฒิการศึกษาจากอเมริกา ก็จะเทียบเท่ากับโรงเรียน International โรงเรียนของเราทำร่วมกับศูนย์การเรียนภาษาไทย มันก็จะมีหลายกระบวนการอยู่ที่เราทำตอนนี้ ถ้าอยู่ในกระบวนการของไทย เราก็จะได้รับวุฒิการศึกษาไทยด้วย เช่น ถ้าเราประสานกับ กศน. เราก็ได้วุฒิการศึกษากศน. ถ้าเราประสานกับ Homeschool เราก็ได้รับวุฒิการศึกษาจากสำนักงานการศึกษาเขตฯด้วย ก็แล้วแต่ว่าเราจะแบ่ง function ให้เกี่ยวข้องกับความต้องการ ความจำกัดของนักเรียนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ตอนนี้ที่โรงเรียนของเรามีนักเรียนทั้งหมด 19 คน มีทั้งนักเรียนคนไทยและชาวต่างชาติ นอกจากนั้นที่นี่ยังใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกันในห้องเรียนเป็นหลัก สำหรับเด็กที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษเราก็ใช้ภาษาอังกฤษคุยกับพวกเขา แต่สำหรับเด็กที่เพิ่งเข้ามาแบบที่ต้องมาปรับพื้นฐาน เราก็ต้องช่วยเขา เพราะว่าเด็กจะได้ไม่รู้สึกแย่จนเกินไป
ช่วงโควิดที่ผ่านมาช่วงเมษายน 2020 ถือว่าโชคดีที่เป็นช่วงเวลาปิดเทอม และส่วนใหญ่จะมีโทรศัพท์กัน เขาก็เลยเลือกที่จะเรียน Online กับเรา ซึ่งข้อดีของหลักสูตรนี้ก็คือ เรียนรู้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว พอเด็กอ่านปุ๊บ ทำการบ้าน ก็สามารถเช็คถูกผิด เช็คคะแนนกับsupervisorได้ supervisorก็ช่วยเช็คโดยการใช้ zoom ได้ ซึ่งเราสามารถติดตามผลได้ โดยการทำแบบทดสอบ หนังสือของเรามีตัวบ่งชี้ในตัวอยู่แล้ว ซึ่งไม่ได้เพิ่มภาระให้กับเด็ก และก็ไม่ได้เพิ่มภาระให้กับครูเหมือนโรงเรียนอื่นๆ หรือหลายๆหลักสูตรที่ต้องมานั่งวิเคราะห์กันใหม่ ครูจะทำงานหนักมาก กว่าจะสื่อสารกับผู้ปกครองได้ เพราะผู้ปกครองเองก็มีความจำกัดในหลายๆด้าน งานก็ต้องทำ เงินก็ต้องหา ลูกก็ต้องมาดูแล แต่พอเขามาเรียนรู้ตรงนี้ในช่วงโควิดก็สามารถที่จะทำให้เด็กกลับมาเรียนรู้ต่อเนื่องได้โดยที่ไม่ได้ติดขัดอะไร