April 5, 2023

James Art Coffee แบ่งปันความสุขด้วยศิลปะบนถ้วยกาแฟ

“ผมอยากแบ่งปันความสุขในการกินกาแฟให้กับคนอื่น” คุณเจมส์ James Art Coffee บอกกับเรา ก่อนจะเล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นก่อนที่จะมาเปิดร้านกาแฟ
ย้อนกลับไปประมาณ 8 ปีที่แล้ว ผมเริ่มทำงานตั้งแต่ยังเด็ก เพราะต้องส่งตัวเองเรียน มีช่วงหนึ่งที่กำลังหางานทำแล้วพอดีได้เจอกับรุ่นพี่ที่เป็นบาริสต้า เลยถามเขาว่า “มีงานอะไรให้ทำไหม? ผมอยากทำงาน” ด้วยความใจกว้างของเขาประจวบกับช่วงนั้นเขาจะออกจากงานที่นั่นพอดี เขาเลยช่วยคุยกับเจ้าของร้านให้ ทำให้เรามีโอกาสได้ไปทำงานที่นั่น
งานในช่วงแรกทำแค่เดินเสิร์ฟกาแฟ แต่สิ่งที่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ทำต่อไปก็คือ “ศิลปะการวาดรูปบนหน้ากาแฟ (Latte art)” รู้สึกอึ้งมากกับลวดลายฟองนมที่อยู่บนหน้ากาแฟในถ้วยเล็กๆ ตอนนั้นเรียนรู้จากการดูคนอื่นทำ ใช้เวลาฝึกประมาณ 3-4 เดือน ได้ช่วยเขาทำบ้าง พยายามซ้อมทำเองบ้าง พอมีโอกาสให้เริ่มจับเครื่องทำกาแฟบ้าง พี่คนที่เราเคยขอทำงานด้วยก็ช่วยสอนทำกาแฟ ก่อนที่เขาจะออกจากงาน ซึ่งปัจจุบันนี้ เขาก็เปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเอง
ทำไมถึงต้องเป็น Latte art?
เมื่อก่อนผมชอบศิลปะ ส่วนกาแฟเป็นงานที่เราอยากจะทำ พอได้รู้จักกาแฟหลังจากนั้นก็อยากจะรู้ลึกลงไปอีก อยากเรียนรู้เกี่ยวกับการทำ Latte art และอยากรู้เกี่ยวกับกาแฟว่าคืออะไร เพราะเมื่อก่อนผมไม่รู้จักกาแฟ ที่บ้านปลูกแค่ข้าวโพดกับสับปะรด
หลังจากตอนนั้นที่เริ่มฝึก latte art เรียนรู้ด้วยตัวเอง ใช้เวลานานประมาณเกือบ 1 ปี กว่าจะเริ่มทำ basic ได้ ถ้าถามว่ายากไหม ตอบเลยว่ายากมาก
ลายแรกที่ทำ เป็นลายอะไร?
ลายดอกทิวลิปกับลายหัวใจ ทั้งๆที่มันดูเหมือนแค่ยกฟองนมออกแล้วกรีดให้เป็นรูปหัวใจ แต่จริงๆมันควบคุมยากมาก ตอนนั้นก็เรียนรู้ด้วยตัวเองและฝึกจากการดูผ่าน Youtube กับ Instagram
อะไรคือจุดที่ทำให้คนเริ่มรู้จักเรา?
หลังจากเป็นบาลิสต้าและลูกค้าเริ่มรู้จักเรามากขึ้น เป็นช่วงที่มีโอกาสได้ไปแข่งทำกาแฟ งานที่ไปแข่งต้องทำกาแฟตั้งแต่ Espresso shot ,เมนูนม และเมนู signature ที่เราคิดเอง เสิร์ฟทั้งหมดประมาณ 12 แก้ว เพราะ 1 เมนูต้องเสิร์ฟประมาณ 4 แก้ว
กรรมการจะตัดสินด้วยเวลา, รสชาติและเมล็ดที่เรานำมาเสนอ ส่วนในเรื่องของเมนูนม อุณหภูมิและความหวานต้องได้ เมล็ดกาแฟที่เราผสมและ taste note ที่เราบอกไป กรรมการต้องจับได้ เมนู signature ต้องชูวัตถุดิบและสิ่งที่เราต้องการนำเสนอ ผมเคยได้ที่ 5 จาก 15 คน รายการแข่งในจังหวัดเชียงราย ตอนนั้นอายุ19ปี เป็นผู้เข้าแข่งขันที่อายุน้อยที่สุด
ทำไมถึงตัดสินใจเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเอง?
ในช่วงที่ทำงานเป็นบาลิสต้าอยู่ ผมก็มีเป้าหมายคืออยากจะมีร้านเป็นของตัวเอง
เพราะอยากลองทำเอง เจ็บไม่เป็นไร ล้มไม่เป็นไร เราล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ได้ ผมเลยตั้งเป้าหมายว่าอยากมีร้านกาแฟตอนอายุไม่เกิน 26 ปี ตอนนี้ก็ทำได้แล้วครับ
ความฝันคืออะไรนอกจากเปิดร้านกาแฟ?
ตอนนี้ก็คืออยากให้ร้านอยู่ตัวได้ และก็ผมแค่อยากแบ่งปันความสุขในการกินกาแฟให้กับคนอื่นมากกว่าเท่านั้นเอง ผมเปิดร้านทุกวัน ถ้าผมไม่ได้คุยกับใครสักคนหนึ่ง ผมจะรู้สึกไม่แฮปปี้ เพราะว่ากาแฟเป็นสื่อทำให้รู้จักและพูดคุยกับคนใหม่ๆ
อยากจะบอกอะไรกับคนที่ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ?
สิ่งสำคัญก็คือเป้าหมาย อย่างที่สองก็คือคุณชอบอะไรหรืออยากจะทำอะไรมากที่สุด และสิ่งสุดท้ายคือคุณคิดแล้วต้องลงมือทำ ถ้าคิดแต่ไม่ลงมือทำ นั่นคือสิ่งที่แย่ที่สุด
ถึงจะเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆก็ต้องลงมือทำ แล้วจะรู้วิธีแก้ปัญหา และในอนาคตควรจะไปต่อยังไง
SHARE ARTICLE:
Share on email
Share on linkedin
Share on facebook
Share on twitter

Read related:

Mar 22, 2023
TonCedar Internship program เน้นการฝึกงานและเรียนรู้แบบองค์รวม ด้วยการทำงานในสภาพแวดล้อมวัฒนธรรมที่หลากหลาย ได้ฝึกภาษากับชาวต่างชาติ และทำงานร่วมกับเจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการธุรกิจ และองค์กรต่างๆ ในการช่วยเหลือคนรุ่นใหม่...
Mar 8, 2023
วันนี้ TonCedar จะพาทุกคนมารู้จักกับ Magpie Farm เกษตรกรรมบนดอยที่เริ่มต้นมาจาก คุณซาน – สุนทร มิ่งสิริเจริญ...
Feb 22, 2023
หากจะบอกว่าที่ร้านไหนๆก็มีเมนูกะเพรา แต่ กะเพรา29 ที่เราจะแนะนำให้รู้จักวันนี้ เรายกให้เป็น “กะเพราคราฟต์” ที่มีคอนเซ็ปต์และไอเดียที่น่าสนใจสุดๆ ถ้าอยากรู้ว่ากะเพราร้านนี้ต่างจากกะเพราร้านอื่นยังไง ลองไปอ่านเรื่องราวของ คุณติ๊ก...